การนอนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากของทุกคน เพราะการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายอย่าง อีกทั้งยังกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงานอีกด้วยด้วย การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและนอนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงจะต้องให้ความสำคัญกับช่วงเวลานอนเท่านั้น แต่เรื่องของการดูแลทำความสะอาดเครื่องนอนเองก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะเป็นตัวช่วยที่ทำให้การนอนหลับของพวกเราดีขึ้นได้อย่างที่ควรจะเป็น

เราควรซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนบ่อยแค่ไหน

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่าการดูแลทำความสะอาดเครื่องนอนถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่อการนอน เพราะช่วยทำให้ผู้นอนรู้สึกดีและหลับสบายมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าแล้วจริง ๆ การซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนต่าง ๆ นั้นควรทำบ่อยมากน้อยแค่ไหนถึงจะดี

ในความเป็นจริงการซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนควรที่จะทำซักทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง แม้ว่าเราจะใช้เวลากับการนอนแค่ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นคราบสกปรกต่าง ๆ ก็สามารถติดอยู่บนผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเศษเล็บ ผม เหงื่อไคล หรือว่ารังแคก็พบได้บ่อยบนที่นอน การปล่อยให้สิ่งสกปรกสะสมอยู่เป็นเวลานานก็จะส่งผลเสียอื่น ๆ ตามมาได้ ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดเครื่องนอนด้วย

วิธีซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอน

ในการซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนต่าง ๆ นั้นก่อนอื่นเลยหากว่ามีคราบสกปรกติดอยู่ก็ควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงค่อยเข้าสู่ขั้นตอนการซักทำความสะอาดทั้งหมดต่อไป แต่ทั้งนี้ก็จำเป็นต้องซักให้ถูกวิธีด้วย ซึ่งวิธีการซักเครื่องนอนก็สามารถทำได้ดังวิธีการต่อไปนี้

วิธีซักผ้าปูที่นอน

การซักผ้าปูที่นอนจำเป็นที่จะต้องใส่ใจมากสักหน่อย เนื่องจากว่าผ้าปูที่นอนมักจะมีความบางและนุ่มทำให้ต้องซักอย่างระมัดระวังและถูกวิธี แต่การซักด้วยมือก็คงเป็นเรื่องที่ลำบากเกินไป การซักผ้าปูที่นอนด้วยเครื่องซักผ้าจึงช่วยทุ่นแรงได้มากกว่า ซึ่งในการซักด้วยเครื่องซักผ้าควรที่จะตั้งอุณหภูมิน้ำไว้ไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการระวังไม่ให้ผ้าสีซีดเร็ว และในการซักควรใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเพื่อเพิ่มความหอมด้วย

วิธีการซักผ้าปูที่นอน

  • การซักผ้าปูที่นอนใหม่ เนื่องจากว่าผ้าปูที่นอนใหม่อาจจะมีกลิ่นและสีที่ติดมาจากกระบวนการผลิต ก่อนการใช้งานจึงควรซักทำความสะอาดให้เรียบร้อย โดยสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการแช่ผ้าปูที่นอนใหม่เอาไว้กับน้ำที่ผสมผงซักฟอกเรียบร้อยแล้วเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นจึงค่อยซักทำความสะอาดกับน้ำธรรมดา
  • การซักผ้าปูที่นอนที่ผ่านการใช้งานแล้ว ในการซักก็สามารถทำได้ด้วยการนำผ้าปูที่นอนแช่ลงในน้ำที่ผสมผงซักฟอกเอาไว้ประมาณ 5-10 นาที เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบต่าง ๆ ให้หลุดออกได้ง่ายมากขึ้น หลังจากนั้นจึงค่อยซักตามปกติ แล้วนำไปตากให้แห้งด้วยแดด เพื่อให้ผ้าแห้งสนิท  แต่ในการซักควรซักผ้าซักผ้าปูที่นอนแยกกับผ้าอื่น ๆ เพื่อลดความเสียหายของผ้า และไม่ทำให้สีของผ้าปูที่นอนตกใส่ผ้าอื่น ๆ นั่นเอง

วิธีซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอน

วิธีซักผ้านวม

ต่อมาจะเป็นในส่วนของการซักผ้านวมกันบ้าง โดยผ้านวมนั้นก็มักจะมีขนาดที่ใหญ่และมีความหนาของเนื้อผ้า การซักด้วยเครื่องซักผ้าจึงตอบโจทย์ ซึ่งก่อนที่จะนำมาผ้านวมไปซักควรม้วนขนาดให้เล็กลงก่อน และเลือกใช้น้ำร้อนในการซักด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่าการซักผ้าปูที่นอนได้เลย เพื่อเป็นการช่วยฆ่าเชื้อโรค

วิธีการซักผ้านวม

  • ในกรณีที่ผ้านวมที่ใช้มีฉลากที่กำกับและแนะนำวิธีการซักผ้านวมมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำได้เลย เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของผ้านวม
  • การซักผ้านวมควรซักแยกกับผ้าอื่น ๆ เนื่องจากว่าผ้านวมมีขนาดที่ใหญ่และทำความสะอาดยาก จึงควรซักเดี่ยว ๆ ไม่รวมกับผ้าอื่นเลย เพื่อให้ผ้านวมสะอาดมากที่สุด อีกทั้งก่อนการซักอย่าลืมทำการม้วนให้ผ้านวมมีขนาดที่เล็กลงด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ซักได้ง่ายและช่วยให้ผงซักฟอกเข้าสู่เนื้อผ้าได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
  • เมื่อทำการซักผ้านวมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ควรที่จะสะบัดผ้าให้เรียบร้อย เพื่อเป็นการช่วยไม่ให้ผ้านวมยับ และยังเป็นการช่วยให้ไส้ในของผ้านวมไม่จับตัวกันเป็นก้อนด้วย หลังจากนั้นจึงค่อยนำไปตากไว้ในบริเวณที่แดดส่องถึงจนแห้ง แล้วถึงจะนำมาใช้งานได้ แต่จะต้องแน่ใจว่าผ้านวมแห้งสนิทแล้วเท่านั้น

วิธีซักหมอน

การซักหมอนเป็นสิ่งที่คนไม่น้อยเลยมองข้ามกัน เนื่องจากคิดแค่ว่าเปลี่ยนปลอกหมอนอย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ความจริงคือไม่ใช่ เพราะเมื่อใช้ไปนาน ๆ หมอนก็เป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกได้มากมายเลยทีเดียว โดยในการซักหมอนควรที่จะรู้ก่อนว่าหมอนที่ใช้ทำมาจากวัสดุอะไร หากว่าวัสดุที่ใช้มีความนุ่มหรือเป็นฟองน้ำก็ควรนำไปตากแดดแทนการซัก เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค ในทางกลับกันหากว่าเป็นหมอนที่แบบอื่น ก็จะต้องนำมาซักให้เหมาะสมนั่นเอง

วิธีการซักหมอน

  • เช็กก่อนว่าหมอนที่ใช้ทำมาจากวัสดุอะไร และสามารถที่จะทำการซักด้วยเครื่องซักผ้าได้หรือเปล่า เพื่อเป็นการทำให้หมอนไม่เสื่อมสภาพไวเกินไป
  • ก่อนการซักหมอนควรที่จะทำความสะอาดคราบที่ติดอยู่ให้หมดก่อน ด้วยการนำไปแช่เอาไว้ในน้ำยาซักผ้าเป็นเวลา 15 นาทีแล้วจึงค่อยนำไปซัก
  • ในการซักหมอนที่ดีและเหมาะสมควรซักด้วยน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป เพื่อเป็นการช่วยฆ่าเชื้อโรค และยังเป็นการช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้ดีมากขึ้น 
  • หลังจากที่ซักหมอนเสร็จแล้วควรจะตบหมอนเพื่อจัดทรงของหมอนให้ดีด้วย เพื่อให้ทรงไม่เสีย เนื่องจากว่าเมื่อซักด้วยเครื่องซักผ้าอาจจะทำให้ไส้ในของหมอนจับตัวกันเป็นก้อนได้
  • สุดท้ายก็นำหมอนที่ซักเสร็จแล้วไปตากแดดไว้ให้แห้ง หรือจะใช้วิธีการอบด้วยเครื่องอบผ้าให้แห้งก็ได้เช่นกัน แต่ควรใช้ความร้อนในระดับปานกลาง จากนั่นรอจนแห้งสนิทแล้วจึงนำกลับมาใช้งานได้ ซึ่งหมอนควรจะแห้งสนิท เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราและกลิ่นที่เหม็นอับนั่นเอง

สรุปเกี่ยวกับวิธีซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอน

สรุปเกี่ยวกับวิธีซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอน

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าการซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนทั้งหลายนั้นควรทำอย่างเหมาะสม เพราะนอกจากจะยืดอายุการใช้งานแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนที่ดีให้ได้ด้วย ทั้งนี้ปัจจุบันการซักผ้าก็สามารถทำได้ง่ายมากขึ้นด้วยการใช้บริการที่ร้านสะดวกซัก ซึ่งที่ Clean Chain ก็เป็นร้านที่ให้บริการซักผ้า หยอดเหรียญที่ครบจบในที่เดียวทั้งการซักและอบผ้า คนส่วนใหญ่ใช้เครื่องซักผ้าที่บ้านเพื่อซักผ้าปูที่นอนซึ่งใช้เวลานานและการตากผ้าก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นเดียวกัน ซึ่ง CleanChain สามารถแก้ไขปัญหานี้ให้คุณได้อย่างสมบูรณ์ สามารถซักผ้าได้ 27 กก. และตากผ้าได้ 16 กก. ในคราวเดียว